แบล็คแจ็ค หรือ แบล็คแจ็คออนไลน์ เป็นอีกหนึ่งเกมไพ่ทำกำไรที่เราพบเห็นได้เว็บคาสิโน เป็นเกมที่ได้รับความนิยมจากนักเล่นทั่วโลก เนื่องจากตัวเกมมีความเป็นสากล เล่นสนุก และมีวิธีการเล่นที่ไม่ยากนัก สำหรับในเมืองไทยแม้เกมแบล็คแจ็คจะไม่ได้รับความนิยมเท่ากับเกมไพ่อย่าง บาคาร่า หรือ เสือมังกร แต่ก็มีลูกค้าขาประจำที่ชื่นชอบเกมไพ่ประเภทนี้ เพื่อนๆ จึงได้เห็นเกมแบล็คแจ็คเปิดให้บริการอยู่ในเว็บคาสิโน เช่นที่ คาสิโนออนไลน์ Luckyniki ก็มีเปิดให้บริการ สมาชิกที่ต้องการความท้าทาย เมื่อหลังจากอ่านบทความนี้จบ ก็สามารถสมัครสมาชิก และทดลองเข้าเดิมพันเกมที่น่าสนุกเกมนี้ได้เลย
เกมไพ่แบล็คแจ็ค หรือ ใครจะเรียกว่า เกมไพ่ 21 ก็ได้ สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยอาจจะมองว่าเกมไพ่ชนิดนี้ซับซ้อน เล่นยาก เพราะมีคำศัพท์เฉพาะต่างๆ ที่คุณไม่คุ้นเคย แต่หากคุณได้ทดลองเล่นแบล็คแจ็คออนไลน์ คุณจะได้พบกับระบบตัวช่วยเดิมพัน คู่มือแนะนำการเล่นแบบทีละขั้นตอนที่ช่วยให้คุณเข้าใจมากยิ่งขึ้น ใช้เวลาเพียงนิดเดียวคุณจะสามารถเล่น เกมไพ่ชนิดนี้ได้คล่องแคล่วแล้ว
การอ่านแต้มไพ่แบล็คแจ็ค
แบล็คแจ็ค คือ การเดิมพันระหว่างผู้เล่น กับตัวแทนเจ้ามือ ซึ่งก็คือดีลเลอร์ หากฝั่งใดมีไพ่ในมือรวมแต้มแล้วได้ 21 แต้ม หรือใกล้เคียง 21 แต้มมากที่สุดจะถือเป็นฝ่ายชนะ แต่แต้มไพ่ของแต่ละฝั่งจะต้องไม่เกิน 21 แต้ม เพราะหากเกิน 21 แต้ม จะถือว่าเป็นไพ่ตาย ในรอบนั้นคุณจะแพ้ทันที ก่อนที่เราจะไปศึกษาวิธีเล่นแบล็คแจ็ค เราไปดูในส่วนของการอ่านแต้มไพ่แบล็คแจ็คกันก่อน
- ไพ่หมายเลข 2 – 10 มีค่า เท่ากับหน้าไพ่ คือ 2 – 10 แต้ม
- ไพ่ตัวอักษรภาษาอังกฤษ หรือ ไพ่ภาพคน J, Q, K จะให้ค่าของไพ่เท่ากันหมด คือ 10 แต้ม
- ไพ่ A หรือ Ace เป็นไพ่พิเศษ สามารถมีค่าได้ทั้ง 1 แต้ม หรือ 11 แต้ม ขึ้นอยู่กับไพ่ในมือว่ามีแต้มไพ่ใด ซึ่งหากฝ่ายใดมีไพ่ A อยู่ในมือก็จะถือว่ามีโอกาสที่จะชนะมากกว่า
ศัพท์เฉพาะของ แบ ล็ ค แจ็ค
สำหรับการเล่น แบล็คแจ็ค มีคำศัพท์ที่ผู้เล่นอย่างเราจะต้องศึกษามากหน่อย เรียกได้ว่าเป็นคำศัพท์เฉพาะของเกมแบล็คแจ็คก็ได้ โดยคำเรียก หรือคำศัพท์ที่เราพบบ่อยๆ ในการเล่นแบล็คแจ็คก็คือ
- BlackJack หรือ แบล็คแจ็ค หมายถึง เมื่อไพ่ 2 ใบแรกรวมกันแล้วได้ 21 แต้มพอดีจะถือว่าคุณชนะทันที เรียกในชื่อของเกมว่า แบล็คแจ็ค
- Hit หรือ ฮิต ในภาษาไทย คือ จั่ว หมายถึงการจั่วไพ่เพิ่มเพื่อให้แต้มไพ่ใกล้เคียง 21 แต้มมากที่สุด
- Stand หรือ สแตนด์ ในภาษาไทยนิยมเรียกว่า อยู่ หมายถึงเมื่อแต้มไพ่ของคุณอยู่ในจุดที่คุณพอใจไม่ต้องการจั่วเพิ่มแล้ว จึงเลือกที่จะ อยู่ หรือ Stand
- Double Down หรือ ดับเบิ้ลดาวน์ หมายถึงสมาชิกเลือกวางเดิมพันเพิ่มขึ้น 2 เท่า โดยระบบจะเปิดโอกาสให้คุณวางเดิมพันเพิ่มขึ้น 2 เท่าในช่วงไพ่สองใบแรก
- Split หรือ สปริท หมายถึง ผู้เล่นมีโอกาสที่จะแยกไพ่ใบมือออกเป็น 2 ชุดได้ ในกรณีที่ ไพ่สองใบแรกที่คุณได้รับเป็นไพ่แต้มเดียวกัน เช่น 88 33 เป็นต้น
- Insurance หรือ การทำประกันว่าหากไพ่ของเจ้ามือเป็น แบล็คแจ็ค ซึ่งหากไพใบแรกของเจ้ามือคือไพ่ A ผู้เล่นสามารถเลือกซื้อประกันเสียเอาไว้ก่อนได้ ด้วยราคา 50% ของเงินเดิมพัน หากไพ่ของเจ้ามือออกมาที่แบล็คแจ็ค คุณก็จะชนะได้อัตราจ่ายที่ 2:1
วิธีเล่นไพ่แบล็คแจ็คออนไลน์
เกมไพ่แบล็คแจ็ค เป็นเรื่องของการตัดสินใจของผู้เล่น มากกว่าการวัดดวง เนื่องจากการเล่นแบล็คแจ็ค ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะหยุด หรือจั่วไพ่เพิ่ม เพื่อให้แต้มไพ่ใกล้เคียงกับ 21 แต้ม และชนะแต้มไพ่ของเจ้ามือ ในโต๊ะแบล็คแจ็ค ไพ่ของเจ้ามือเท่านั้นที่จะมีผลแพ้/ชนะต่อคุณ
- หากไพ่ของคุณรวมกันได้มากกว่า 21 แต้ม จะถือว่าคุณแพ้ทันทีโดยไม่ขึ้นกับไพ่เจ้ามือ เพราะหากไพ่ของฝ่ายใดเกิน 21 แต้ม จะถือว่าฝ่ายนั้นแพ้ทันที
- ไพ่ของเจ้ามือจะต้องไม่น้อยกว่า 17 แต้ม ดังนั้นเจ้ามือจะต้องจั่วไพ่ไปเรื่อยๆ จนกว่าแต้มไพ่จะอยู่ที่ 17 – 21 แต้ม
- ผู้เล่นสามารถจั่วไพ่ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง หากคุณคิดนานไปกดจั่วก่อนเวลาหมด ระบบจะถือว่าคุณเลือก “อยู่” แบบอัตโนมัติ
เทคนิคการเอาชนะแบล็คแจ็คออนไลน์
- คนที่มีโอกาสชนะในการเล่นแบล็คแจ็คมาก คือ คนที่เก๋าเกมเล่นจนชำนาญเชี่ยวชาญจนสามารถประเมินไพ่ในมือของเพื่อนร่วมโต๊ะ และของเจ้ามือได้
- หากไพ่ 2 ใบแรกของเจ้ามือ มีไพ่ A มีโอกาสมากที่เจ้ามือจะได้แบล็คแจ็ค ดังนั้น Luckyniki แนะนำให้คุณซื้อประกันเอาไว้ทุกครั้ง
- เอาล่ะ! หากคุณได้ภาพคู่ แบ ล็ ค แจ็ค ที่มีแต้มสูงอย่าง AA, KK, QQ, JJ, 88, 99, 1010 แนะนำว่าให้คุณแยกไพ่ออกเป็น 2 มือ เพื่อเพิ่มโอกาสการชนะให้มากขึ้น
- บวกแต้มไพ่ในมือให้ดีก่อนจั่วเพิ่ม ตามคำแนะนำคือ หากไพ่ของคุณรวมแล้วไม่เกิน 10 แต้ม ก็ควรที่จะจั่วเพิ่ม แต่ได้ไพ่ 17 แต้มแล้วให้หยุดเรียก เพราะอย่าลืมว่าเจ้ามือถูกบังคับให้ต้องจั่วไพ่ให้ถึง 17 แต้มจึงจะสามารถหยุดได้
